นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยาประจำปี 2563 “ไทยรัฐวิทยากับวิถีชีวิตใหม่” ชื่นชม “กำพล วัชรพล” และมูลนิธิไทยรัฐ ช่วยสร้างคน สร้างชาติ ย้ำการศึกษาไทยไม่ได้เลวร้าย แต่ต้องปรับให้ทันโลก แนะครูให้ปรับเปลี่ยนสอนแนวใหม่ สร้างแรงจูงใจให้เด็กสนุกกับการศึกษา เรียนรู้ประวัติศาสตร์ นึกถึงบรรพบุรุษ ให้สอนเด็กรู้จักภูมิประเทศ พื้นที่บ้าน ของตัวเอง เมื่อเรียนจบจะได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด
ที่โรงแรมเวียงอินทร์ อำเภอเมืองเชียงรายเมื่อตอนสายวันที่ 24 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 แห่งทั่วประเทศประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “ไทยรัฐวิทยากับชีวิตวิถีใหม่” พร้อมมอบโล่รางวัลชนะเลิศ Best Practice การจัดการเรียนการสอนสื่อมวลชนศึกษาจำนวน 13 โรง โดยมีนายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการบริหารมูลนิธิไทยรัฐ นำคณะผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยารอต้อนรับ
นายมานิจได้กล่าวขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นประธานเปิดการสัมมนาผู้บริหารโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั่วประเทศและกล่าวถึงการสร้าง ร.ร.ไทยรัฐวิทยาตั้งแต่แห่งแรก เมื่อ พ.ศ.2513 คือ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 1 จ.ลพบุรี จนถึง พ.ศ.2539 มีโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั่วประเทศรวม 101 โรงและได้หยุดสร้างเพราะนายกำพล วัชรพล อดีต ผอ. นสพ.ไทยรัฐ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิไทยรัฐ ต้องการเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าปริมาณ ต่อมาเมื่อองค์การยูเนสโก ประกาศยกย่องให้นายกำพล วัชรพล เป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีบทบาทโดดเด่นด้านการศึกษาและการสื่อสารมวลชน โดยให้มีการเฉลิมฉลองในปี 2562 จึงได้เพิ่มจำนวนโรงเรียนไทยรัฐวิทยาอีก 10 โรง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระอันสำคัญ สำหรับแนวคิดหลักในการสัมมนาครั้งนี้ คือ “ไทยรัฐวิทยากับชีวิตวิถีใหม่” เพราะตระหนักว่า เมื่อสังคมไทยและโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทันใด จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียน เพื่อให้เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างมีคุณภาพ ทันสมัย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานและแสดงปาฐกถาพิเศษ ว่ารู้สึกภาคภูมิใจแทนคุณกำพล วัชรพล และไทยรัฐ ที่ได้ช่วยกันพัฒนาการศึกษาของเรามาตลอดและต่อเนื่อง รู้สึกยินดีที่มีโรงเรียนไทยรัฐวิทยาถึง 111 โรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการศึกษาไทย จนถึงวันนี้ก็มีอายุ 50 ปีแล้วและมีถึง 111 โรง อยู่ในทุกจังหวัด บางจังหวัดมีมากกว่า 1 โรง บุคลากรทางการศึกษามีความสำคัญและเป็นการสัมมนาที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เราต้องเข้าใจว่าการศึกษาของเรานั้นไม่ได้เลวร้าย มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เราต้องปรับรูปแบบการศึกษาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ที่เรียกว่า ยุคหลังนิวนอร์มอล และโลกศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงไปมากด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เราต้องสร้างพลเมืองให้มีความเข้มแข็ง มีหลักคิด มีวิสัยทัศน์ มีภูมิคุ้มกันในสิ่งที่ถูกต้อง
“การศึกษาต้องมีการปฏิรูปให้เด็กมีความรู้ ต้องสอนให้เด็กทุกคนรู้จักนำการศึกษาไปใช้ประโยชน์ ให้เข้าใจว่า เมื่อจบแล้วและมีงานทำ เพราะมีการศึกษาในห้องเรียนเป็นพื้นฐาน แม้จะทำงานไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมา พื้นฐานต่างๆต้องมาจากประวัติศาสตร์ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไม่ใช่ของเก่า เรียนรู้เพื่อที่จะรู้ว่าที่ผ่านมาประเทศชาติผ่านพ้นวันเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไรด้วยใคร มีวัตถุประสงค์อะไรที่บรรพชนจะต้องเสียสละเลือดเนื้อ เสียสละชีวิตมากมาย เรามีหน้าที่ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด สิ่งเหล่านี้ต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มูลนิธิไทยรัฐเป็นมูลนิธิที่ส่งเสริมสนับสนุนกิจการด้านการศึกษาในรูปแบบต่างๆมาโดยตลอดและต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันและต่อๆไป ความร่วมมือแบบนี้เรียกว่า ไทยสร้างชาติ จากคนทุกกลุ่มในประเทศ ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว ช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไปข้างหน้าโดยปราศจากความขัดแย้ง กลไกด้านการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ จะต้องมีการแก้ไขดูแลปฏิรูปทั้งองค์กร บุคลากร วิธีการเรียนการสอน หลักสูตร คิดว่าไม่ยากเกินไปถ้าทุกคนสร้างหลักคิดใหม่ๆขึ้นมา หลายคนเคยผ่านโรงเรียนไทยรัฐวิทยา โตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงต่างๆ สิ่งนี้เป็นกุศลให้กับคุณกำพลและไทยรัฐ เป็นความภาคภูมิใจ ตนเป็นนายกฯ ตนคิดแบบนี้มาตลอด ไม่เคยคิดเป็นอื่น ไม่เคยคิดนอกกรอบ ไม่เคยคิดเพื่อประโยชน์ตนเอง ทุกคนที่เป็นรัฐบาลตนจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ขอฝากให้ครูมี การสอนแนวใหม่คือ สอนให้เด็กมีการเรียนรู้ เช่น เรื่องระบบออนไลน์ เด็กจะได้มีภูมิคุ้มกันที่ดีในการป้องกันตัวเอง ครูต้องสร้างแรงจูงใจให้เด็กสนุกกับการศึกษา หาวิธีการสอนให้สนุกให้เข้าใจ สอนให้ลึกซึ้ง สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เกิดเพราะอะไร ขอฝากให้สอนเด็กได้ศึกษาภูมิประเทศ พื้นที่ของตนเอง บ้านของตัวเอง เมื่อจบการศึกษาแล้วกลับมาพัฒนาจังหวัดของตนเอง รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนให้เป็นคนดี คนเก่ง มีงานทำ เคารพกฎหมาย เคารพสถาบัน ทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์
นายกฯยังกล่าวกับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า “พวกเราทุกคนในห้อง สัญญากับผมได้ไหมว่า เราจะนำพาประเทศให้ดีขึ้น โดยสงบและปลอดภัย ขอให้ทุกคนช่วยกัน จะร่วมมือกับผมไหมครับ ประวัติศาสตร์หน้านี้จะบันทึกไว้ เหมือนที่ประวัติศาสตร์ของคุณกำพลที่ได้ทำมาจนถึงวันนี้” จากนั้นผู้เข้าร่วมสัมมนาในห้องได้ปรบมือกับนายกฯเป็นการให้สัญญา ซึ่งนายกฯได้กล่าวขอบคุณ ก่อนเดินทักทายผู้เข้าร่วมสัมมนาและชมการแสดงวงสล้อ ซอ ซึง ที่เล่นเพลงหมู่เฮาชาวเหนือ โดยนายกฯ ได้เข้าไปร่วมเล่นเครื่องดนตรี เขย่าแทมโบรีนไม้กับเหล่านักเรียนอย่างอารมณ์ดี